เรียนต่อต่างประเทศในระดับโลกที่ ICEF เอเชีย


จากการที่ทีมผู้บริหารของพี่ดรีมได้รับเชิญให้เข้าร่วม Workshop เกี่ยวกับการศึกษาต่อต่างประเทศในระดับโลกจัดขึ้นโดยองค์กร ICEF Asia ที่เมืองโฮจิมินท์ ในช่วงวันที่ 27-29  มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมาวันนี้จะนำเรื่องน่าสนใจที่พบเห็น และสิ่งต่างๆที่เปลี่ยนไปตามกระแสโลก มาเล่าสู่กันฟังว่ากระแสของการศึกษามีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างไรบ้างโดยเฉพาะในต่างประเทศ เนื่องจากงานครั้งนี้จัดขึ้นที่ประเทศเวียดนาม ทีมงานพี่ดรีมจึงขอเขียนถึงสภาพปัจจุบันของประเทศเวียดนามและชาวเวียดนามสักเล็กน้อย 

โดยเฉพาะเด็กเวียดนามรุ่นใหม่เมื่อวานได้ไปทานเฝอที่ร้านอาหารในห้างแห่งหนึ่งก็คุยกับพนักงานเสริฟ กันตามปกติเด็กหนุ่มที่มาคุยหน้าตาดี แต่งตัวปอนๆ คุยด้วยภาษาอังกฤษ ภาษาของเด็กคนนี้ถือว่าเก่งใช้ได้ ผมก็เลยถามไปว่าเรียนภาษาอังกฤษจากไหน เรียนอยู่โรงเรียนอินเตอร์หรือเปล่า เค้าบอกไม่ใช่เป็นโรงเรียนท้องถิ่นนี่เอง ถือว่าทักษะของภาษาอังกฤษเด็กหนุ่มนี้ถือว่าเก่งกว่านักเรียนไทยหลายๆ คนที่ไม่ได้เรียนอินเตอร์ ที่พูดนี่อยากให้เด็กไทยสนใจภาษาเยอะๆ ไม่เช่นนั้นไทยอาจจะไม่ทันเวียดนามหากนักเรียนไทยไม่สนใจภาษาอย่างจริงจัง


ชาวเวียดนามสมัยนี้นิยมส่งบุตรหลานไปศึกษาต่อต่างประเทศ เช่น อเมริกา และ อังกฤษ และดูจะเป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับชาวเวียดนามสมัยใหม่ โดยส่วนใหญ่แล้วเวลาไปต่างประเทศแล้วมักจะหาหนทางอยู่ยาวๆ หรือให้นานที่สุดก่อนที่จะกลับมาสู่ บ้านที่เวียดนาม แต่ถ้าเป็นไปได้ชาวเวียดนามส่วนใหญ่ก็อยากจะย้ายออกไปเลยจากการคุยกับชาวเวียดนามที่คุยภาษาอังกฤษได้  


ICEF Asia หนทางสู่ความสำเร็จ

งาน ICEF ก็ยังมาจัดกันใน โรงแรมใจกลางโฮจิมินห์ซิตี้ อย่างยิ่งใหญ่ทำให้สรุปได้ว่าโลกสมัยนี้ช่างแคบลงมามากมีสถาบันมาจากหลากหลายทั่วโลก

เรียนต่อต่างประเทศ , ICEF , องค์กรแนะแนวศึกษาต่อระดับโลก

งาน ICEF ที่ทีมงานของพี่ดรีมไปร่วมมาครั้งนี้มีสถาบันการศึกษาจากทั่วโลกเดินทางมารวมตัวกันทั้งจาก อเมริกา อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมัน และประเทศในแถบเอเเชีย เช่น มาเลย์ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และ จีน


ดังที่ทีมพี่ดรีมได้เกริ่นไปข้างต้น และที่น่าสังเกตอีกอย่างก็ คือ เวียดนามเติบโตเร็วมากทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม ดูได้จากสภาพบ้านเมืองทั่วไปซึ่งเจริญขึ้นเร็วมาก มอเตอร์ไซค์ที่กว่าเยอะเต็มถนน ปัจจุบันถือว่ามีจำนวนลดลงและมีรถยนต์เข้ามาแทนที่ แต่รถก็ยังติด และ บีบแตรเสียงดังเหมือนเดิม เวลาเดินถนน สะดุ้งทุกๆ ครั้งเวลาเดินริมถนนไปๆมาๆ กลับมาที่เมืองไทย ปัจจุบันคุณพ่อคุณแม่ไทยเรากลับมานิยมส่งลูกหลานไปเรียนภาษาอังกฤษ อายุน้อยลงเรื่อยๆเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ทางการค้าทำงานที่บ้าน หรือ /และ การออกไปทำงานในอนาคต ในงาน ICEF Asia ครั้งนี้  มีโอกาสฟัง update และหลายหัวข้อ 


มีหัวข้อหนึ่งที่ เห็นว่าน่าสนใจมากและอยากนำมาเล่าก็คือ การไปศึกษาต่อที่แคนาดา เนื่องจากตอนนี้ แคนาดา มาแรงด้วยโปรแกรมที่เรียกกันว่า CO-OP หรือ โครงการเรียนและทำงานได้ระหว่างเรียน รัฐบาลแคนาดาได้เล็งเห็นความสำเร็จของประเทศออสเตรเลียใน 10 ปีที่ผ่านมา ในการใช้ช่องทางทางการศึกษาเพื่อคัดเลือกผู้อพยพที่มีคุณภาพสูงที่เรียนจบจากออสเตรเลียนั้น โดยออกใบอนุญาตให้อาศัยอยู่ทำงานและในที่สุดอยู่อย่างถาวรต่อจนได้สัญชาติออสเตรเลียไป ทำให้มีนักศึกษาจากทั่วโลกเข้าไปเรียนและทำงานกัน ในออสเตรเลียมากมายจนแทบจะยกให้เป็นอันดับ 1 ชิงตำแหน่งอเมริกาและอังกฤษจากตลาดไทยในหลายปีที่ผ่านมาเลยก็ว่าได้ 


เพียงเสียดายที่ออสเตรเลียไม่ได้มีการวางแผน และควบคุมโครงการที่ดี จึงทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับเรื่องโครงการวีซ่าโดยเฉพาะหลังจากสถานการณ์โควิด จนเป็นผลให้ตลาดการศึกษาของออสเตรเลียได้รับผลกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงพอควรเห็นได้จากสถานะการณ์ขาดแคลน แรงงานช่วงโควิดที่ผ่านมา


การเปิดโอกาสอนุมัติให้นักศึกษาที่เรียนจบ 2 ปีในแคนาดา สมัครเป็นผู้ถือถิ่นฐานถาวรทำงานในแคนาดาได้สูงสุด 2-3 ปี ส่วน แคนาดา ทำการบ้านมาดีเพราะได้นำจุดบกพร่องของออสเตรเลียมาแก้ไข และเพิ่มความระมัดระวังในการวางแผนไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอย่างที่เกิดในประเทศออสเตรเลียได้ โครงการของประเทศแคนาดาจึงได้รับความนิยมจากนักเรียนนักศึกษาจากทั่วโลกเป็นอย่างมากในปัจจุบัน 


ส่วนสิทธิ์การทำงาน 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์สำหรับนักเรียนต่างชาติในระหว่างช่วงเปิดเรียน และทำงานได้เต็มเวลาในระหว่างช่วงปิดเทอมนั้น แคนาดาก็อำนวยให้เหมือนๆกัน ดังนั้นน้องๆที่ประสบกับความผิดหวังในการเรียนจบ 2 ปีแล้ว ไม่สามารถขออยู่อย่างถาวรในประเทศออสเตรเลียได้จะด้วยเหตุผลใดก็ตามแต่ไปแคนาดาต้องมี statement และเรียนภาษาอย่างเดียวทำงานไม่ได้ หากเปลี่ยนใจอยากไปอยู่แคนาดาแทน ก็ลองติดต่อสอบถามอ่านข้อมูลลองดู เพราะจากการเรียนรู้ข้อมูล ทีมงานคิดว่าอาจเป็นช่องทางที่ดีที่ในการไปหาประสบการณ์หลังจบการศึกษา ปริญญาตรีใหม่ไม่กี่ปี แนะนำไม่ควรเกิน 4-5 ปี เผื่อจะเห็นช่องทางใหม่ในชีวิต เพราะไม่ว่าจะเรียนที่ประเทศใดในโลกก็ใช้เงินมากพอๆกันทั้งนั้น 


อีกเรื่องหนึ่งที่ อยากเล่าสู่กันฟังก็คือตอนนี้เด็กไทยเราหันไปเรียน นิวซีแลนด์ กับ ออสเตรเลีย กันเสียเป็นส่วนใหญ่ อาจจะด้วยเหตุผลเนื่องจากเรียนภาษาอังกฤษก็สามารถทำงานได้ แต่วีซ่านักเรียนไม่ง่ายเท่าไหร่ หากน้องๆไม่พร้อม หรือ เตรียมข้อมูลไม่แน่นหนาพอก็อาจถูกปฏิเสธได้เหมือนกัน


ในปีนี้ 2023 วีซ่านักเรียนที่จะเข้าออสเตรเลียเกิดการเข้มงวดขึ้นมาก วีซ่านักเรียนไปประเทศอังกฤษกลับผ่อนตัวลงมากผ่านสัมภาษณ์กันอย่างง่ายๆ โดยดูจากนักเรียนที่ทางเอเจนท์เราเองส่งไป ประเทศอังกฤษก็หลายสิบรายยิ่งเห็นจากการจัดงานที่ผ่านมาบูทสถาบันจาก นิวซีแลนด์ แคนาดา หรือ อังกฤษ แน่นจนคิวยาว จึงทำให้สรุปได้อย่างมั่นใจว่าการศึกษาต่อต่างประเทศในโลกปัจจุบันนั้นไร้ขอบเขตจริงๆ และคนไทยเราก็ไวมาก ประเทศไหนไปง่ายในช่วงไหนก็แห่ตามกันไปที่รู้ๆช่วงนี้การศึกษาต่อในซีกโลกเหนือกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง หลังจากเกิดเหตุโควิดชะลอการเดินทางของนักเรียนจำนวนเป็นร้อย


คำถามหนึ่งที่น้องๆถามกันบ่อยก็คือ ไปเรียนอังกฤษ อเมริกา หรือที่แคนาดานั้น ทำงานได้ไหม

ก็ขอตอบว่า ที่อเมริกานักเรียนสามารถทำงานภายในวิทยาเขต (on-campus ) ได้ที่เมื่องลงทะเบียนเรียนอยู่ในระดับปริญญาตรี - โท หรือ วิชาชีพ เท่านั้นและเมื่อเรียนจบแล้วทำงานนอกวิทยาเขตได้ ผู้จบสามารถขออยู่อเมริกาต่อด้วยวีซ่าเป็นเวลา 1 ปี เพื่อทำงานในสาขาที่ตนเรียนมาได้ และ หากมีนายจ้างสปอนเซอร์ ก็สามารถขอวีซ่าได้ตั้งแต่ 3 ปี 


ส่วนที่ประเทศอังกฤษ ช่วงเรียนทำงานได้ 20 ชั่วโมงเช่นกัน หากลงเรียนหลักสูตรปริญญาตรี หรือ ปริญญาโท ส่วนช่วงปิดเทอม ทำได้ 40 ชั่วโมง และ หลังจบหลักสูตรปริญญา สามารถขอวีซ่าอยู่ทำงานในประเทศอังกฤษ 2-3 ปี จุดเด่นของอังกฤษก็คือ โปรแกรมปริญญาโทอาทิ MBA ปโท สาขาต่างๆ เรียนเพียง 1 ปีก็จบ นักเรียนหลายคนจึงอยู่ทำงานต่ออีก 1 ปีหลังจบ


เรียกว่า “การศึกษาต่อต่างประเทศ” นั้นแต่ละประเทศก็มีจุดอ่อนจุดแข็งของตนเอง แล้วแต่น้องๆสนใจอยากไปเรียนไปอยู่ไปทำงานที่ประเทศไหนนั่นเอง ทั้งนี้ทีมพี่ดรีมจึงอยากแนะนำให้น้องๆ ลองอ่านข้อมูลเบื้องต้นก่อนว่าแต่ละประเทศเป็นอย่างไร แล้วเราอยากไปที่ไหนก็มุ่งไปทางนั้น ด้วยการศึกษาที่ไร้ขอบเขตของโลกปัจจุบัน ได้ขยายฐานไปทางการศึกษาต่อที่ต่างประเทศแล้ว หากน้องๆท่านไหนสนใจจะไปแสวงหาความรู้ ประสบการณ์และโอกาสในดินแดนถิ่นใหม่ ทีมดรีมฯ ยินดีช่วยให้ความฝันของน้องๆเป็นจริง

 

ปีนี้ทีมพี่ดรีมฯ ได้เซ็นสัญญาร่วมมือกับมหาวิทยาลัย โรงเรียนไว้หลายแห่งเพื่อให้น้องๆลูกหลานนักเรียนไทยมีโอกาสไปเรียนภาษา และเรียนระดับปริญญาหรือสาขาอื่นๆกัน ดังนั้นหากน้องๆสนใจจะเดินทางสายนี้ และอยากไปเรียนภาษาขนานแท้ที่เมืองนอกกันก็ติอต่อมาเลยนะ การเดินทางไปเวียดนามของทีมงานครั้งนี้ ได้ทั้งประสบการณ์ ความรู้ และ ใหม่ๆ มาฝากให้ผู้ปกครองไทยเรามากมายเอาไว้จะค่อยๆนำมา คุยกันอีกนี้รวมทั้งเรื่องเกี่ยวกับการเรียนต่อในประเทศอื่นๆและเรื่องวีซ่าของประเทศนั้นๆมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อเป็นความรู้และทางเลือกใหม่สำหรับท่านผู้อ่าน สาระสนุกสนานและเป็นประโยชน์ทั้งนั้น  






ติดต่อเรา





สอบถามข้อมูล

061-432-4575

ทักไลน์มา หรือ คลิกด้านล่าง เพื่อกรอกรายละเอียดให้เราติดต่อกลับ
กรอกรายละเอียด